วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เบรกอย่างไร ถึงจะเอาอยู่


เบรกอย่างไร ถึงจะเอาอยู่





 เรื่องง่ายๆ ที่หลายๆคนทั้งมือใหม่และมือเก่า  ไม่ทราบคือ เวลาเบรก ชอบเหยียบคลัทช์เบรก   ซึ่งการเบรกแบบนี้ ภาระหนัก จะไปอยู่ที่ระบบเบรกเพียงอย่างเดียว  ทำให้เบรกได้ช้า ระยะเบรกยาวขึ้น  ยิ่งถ้ารถถบรรทุกหนักมา  ยิ่งอันตราย


 วิธีเบรก ก็ง่ายๆ เพียงแค่ท่านไม่ต้องไปยุ่งกับอย่างอื่นเลย  แค่กดเบรกลงไป  เมื่อรอบเครื่องต่ำลงมาก จึงค่อยลดระดับเกียร์ลงมา   และเวลาลงเขา  ให้ใช้เกียร์ต่ำ แล้วปล่อยให้เอ็นจิ้นเบรกทำงานไป ด้วยการปล่อยไหลไปเรื่อยๆ เมื่อรู้สึกว่าเร็วไป จึงค่อยเหยียบเบรกช่วยเป็นระยะๆ

 ทำไมผมถึงไม่ให้เหยียบเบรกไปเรื่อยๆเวลาลงเขา

                   ก็เพราะว่า  ถ้านท่านเลียเบรกค้างไปเรื่อยๆ  ผ้าเบรกและจานเบรกเสียดสีกันตลอดเวลา ความร้อนจึงเกิดขึ้นทั้งบนผ้าเบรกและจานเบรก   ผลก็คือเบรกจะเฝด เบรกจะไหม้  ทีนี้ก็จะเบรกไม่อยู่  กดเบรกไปแล้วหาย  หายนะก็จะนั่งรออยู่ข้างหน้าครับ


*** เคล็ดลับ  ท่านที่ใช้รถเบรก ABS จะสังเกตว่า ต้องกดแป้นเบรกลงไปลึกหน่อย   ผมมีเคล็ดลับมาแนะนำครับ   ง่ายๆเพียงท่านย้ำเบรกลงไปเล็กน้อย ปล่อยขึ้นมาแล้วกดลงไป คราวนี้ เบรกจะตื้นๆแล้ว   ฝึกบ่อยๆ  ท่านจะทำได้ดีเลยล่ะครับ  อัตโนมัติเลยล่ะ


    ใครที่ยังเบรกแบบเหยียบคลัทช์ ขอให้ปฏิบัติใหม่นะครับ  เพื่อความปลอดภัยของท่านเอง

เหล็กกันโคลงหลัง ใส่ดีมั้ย


เหล็กกันโคลงหลัง  ใส่ดีมั้ย





เหล็กกันโคลงหลัง  คืออุปกรณ์อย่างนึง คนนิยมใส่กันมาก  มันจะจับอยู่กับแชทซี และเพลาท้ายของรถ  ทำให้การให้ตัวของรถน้อยลง   ตามชื่อ คือกันโคลง  ใส่แล้วรถจะโคลงเคลงน้อยลง

แต่ถามว่าทำให้รถเกาะถนน หรือหนึบกว่าเดิมรึป่าว  ขอตอบว่าไม่ครับ    มันทำให้รถไม่โคลง แต่ไม่ได้หนึบกว่าเดิม   ถ้าหากว่าจุดประสงค์คือต้องการให้รถเกาะถนนกว่าเดิม  แนะนำให้ใส่โช้คดีๆ ดีกว่าครับ  เห็นผลชัดเจน   หลายๆคนที่ใส่กันโคลงมาก่อน   พอได้โช้คดีๆ  ถอดทิ้งกันมาหลายคนแล้ว    และมีบางส่วน  ที่ใส่โช้คพร้อมกันโคลง  จึงเข้าใจว่ามันทำให้รถเกาะถนนดี   แต่ก็มีไม่น้อย  ที่ใส่เอาสวยงาม  ประสิทธิภาพไว้ทีหลัง


ข้อเสียมีหรือไม่   มีแน่นอนครับ  เช่นถ้าท่านผ่านไปทางที่มีอุปสรรค เป็นเนินสลับ  ท่านจะพบเจออาการล้อแขวน  อธิบายคือ  ล้อข้างหนึ่ง ไม่สามารถยืดลงมาแตะพื้นได้นั่นเองครับ


ทีนี้ก็แล้วแต่การตัดสินใจของแต่ละบุคคลนะครับ  จะใส่หรือไม่ใส่ ขึ้นอยู่กับท่านเอง  สิ่งใดที่ทำแล้วมีความสุข  ทำไปเถิดครับ (ถึงเมียจะบ่นก็ตาม) 

CATALYTIC คืออะไร ทำหน้าที่อะไร ทำไมคนชอบเอาออก


CATALYTIC คืออะไร ทำหน้าที่อะไร ทำไมคนชอบเอาออก





           CATALYTIC หรือที่เราเรียกสั้นๆว่า แคท คือตัวกรองไอเสีย  เพื่อให้รถเราปล่อยมลพิษน้อยที่สุด 

ทำไมถึงเอาออกกัน

       ที่เอาแคทออก เพราะท่อไอเสียจะโล่งขึ้น  คายไอเสียได้ดีขึ้น แต่ในรถเดิมๆ จะไม่เห็นผลมากนัก

เอาออกอย่างไร 

สมัยก่อนจะใช้การทะลวง เอาไส้แคทออก  แต่ปัจจุบัน มีการทำท่อที่นำมาใส่แทนท่อแคทเดิม  หรือที่เรียกกันว่าท่อแทนแคทนั่นเอง

รถเร่งไม่ทันใจเหมือนเดิม ช่างเขาบอกแคทตัน

  หากใช้รถแต่ในเมือง ไม่ค่อยได้ขับเร็ว  แคทมีโอกาสสกปรกได้ ทำให้ไอเสียผ่านไม่สะดวก  แต่ถ้าขับเร็วอยู่บ่อยๆ  นานมากครับ กว่าจะสกปรกขนาดนั้น



       

ISUZU DMAX แบ่งใหญ่ๆเป็นกี่โฉม แต่ละโฉมมีปัญหาตรงไหน


ISUZU DMAX แบ่งใหญ่ๆเป็นกี่โฉม แต่ละโฉมมีปัญหาตรงไหน
                เราจะมารู้จัก DMAX กัน ว่ามีโฉมกี่โฉม  แต่ละโฉม มีปัญหาหลักตรงส่วนไหน
    DMAX ปี 02-04
                รุ่นนี้เป็นรุ่นแรก ต้นกำเนิด DMAX ใช้เครื่องยนต์ DI เป็นเครื่องไดเร็กอินเจ็คชั่น

 ปัญหาหลักของรุ่นนี้  พบได้ในเครื่อง 3.0 ซึ่งมีกล่องควบคุมการทำงานปั๊มไฟฟ้ากล่องนี้ล่ะ ที่ชอบเสียกันนัก   แก้ไขด้วยการเปลี่ยนกล่อง ซ่อมกล่อง หรือที่นิยมมากคือ ใส่ปั๊มสาย
    DMAX ปี 05-06
              รุ่นนี้ เป็นต้นกำเนิดเครื่องคอมมอนเรล ของค่าย ISUZU ในไทย  เป็นเครื่องยนต์ DDI   คอมมอนเรล มีกล่องควบคุมการทำงานและเซ็นเซอร์ต่างๆมากกมาย
              ปัญหาหลักของรุ่นนี้    คือ รถกินน้ำมันเครื่อง  สาเหตุที่พบมาก คือเกิดมาจากแหวนรองหัวฉีดผลิตจากวัสดุไม่ค่อยดี  ศูนย์แก้ไขด้วยการเปลี่ยนแหวนรองหัวฉีดให้ และเพิ่มถังดักไอน้ำมันเครื่อง   ซึ่งบางคันก็หาย  บางคันไม่หาย ก็แจ้งเคลมเปลี่ยนเครื่องกันไป  คันไหนไม่ได้เปลี่ยน ก็ทนใช้กันไป คอยเติมน้ำมันเครื่องเอา
               อีกหนึ่งปัญหา คือ SCV เป็นวาล์วควบคุมแรงน้ำมันที่ปั๊มคอมมอนเรล  เป็นตัวสั้น ซึ่งมีปัญหา  อาการคือ ขับๆไป วูบ เร่งไม่ขึ้น ไฟเช็คเอ็นจิ้นโชว์ ดับเครื่องซักพัก หาย ขับต่อได้  ไม่นานก็เป็นอีก           แก้ไขด้วยการเปลี่ยนเป้นตัวยาว
    DMAX ปี 07-11
                รุ่นนี้ เปลี่ยนโฉมมา ปรับเปลี่ยนบอดี้ และไฟ ภายใน ฯลฯ มีตัวไมเนอร์เชนจ์หลายตัว ตั้งแต่โกลด์ซีรี่ส์ ไทเทเนียม แพลทตินั่ม ฯลฯ  แต่ละตัวก็มีการเพิ่มออฟชั่นนู่นนี่นั่นขึ้นมา  มีการนำ VGS เทอร์โบ มาใช้ในเครื่องยนต์ 3.0
                ปัญหาในรุ่นนี้  พบเรื่องกินน้ำมันเครื่อง ในปี 07 และพบปัญหา SCV ในปี 07-09  และที่พบกันบ่อยคือ มอเตอร์ EGR เสีย
   ALL NEW DMAX ปี 12- ปัจจุบัน
              รุ่นนี้ปรับเปลี่ยนใหม่หมด ทั้งช่วงล่าง และส่วนต่างๆ มีการนำ VGS เทอร์โบ มาใช้ทั้งเครื่อง 2.5 และ 3.0 มีระบบความปลอดภัยต่างๆ  จำแนกเป็นเครื่อง ยูโร 3 และ ยูโร 4
               ปัญหาในรุ่นนี้  พบหลายประการ  เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนใหม่หมด  หลายๆส่วนเลยมีปัญหาอยู่   พบได้มากคือ  แหนบเอียง ในตัวยกสูง ไฟหน้าเป็นฝ้า เสียงเข้าห้องโดยสาร ซีลเพลาข้อเหวี่ยงหลังรั่ว ตัวดันโซ่ราวลิ้นมีปัญหา  น้ำเข้ารถ 
ALL NEW DMAX 1.9 DDI BLUEPOWER
               จะเรียกว่าไมเนอร์ก็ไม่เชิง จะว่ายกใหม่เลยก็ไม่ใช่   โฉมนี้ มีขนาดเครื่องที่ 1900และ3000ซีซี
ทำแรงม้ามาถือว่าโดดเด่นพอสมควร สำหรับเครื่อง 1.9 ที่ให้มาถึง 150 ม้า
               ปัญหารุ่นนี้ ยังไม่พบเท่าไหร่ เพราะพึ่งออกมาไม่นาน ต้องรอดูต่อไป แต่หลักๆคือมีอาการหน่วงในรอบต้น ซึ่งเป็นทุกเกียร์  

            
      รถทุกรุ่นทุกยี่ห้อ  ล้วนมีปัญหาทั้งสิ้น  อยู่ที่ท่านจะทำใจยอมรับและแก้ไขปัญหานั้นหรือไม่

ผมขอเอาใจช่วย ให้ท่านคอยตรวจสอบ และแก้ไขให้ถูกจุด    แล้วท่านจะใช้รถอย่างมีความสุขครับ



EGR คืออะไร ทำหน้าที่อะไร ทำไมคนชอบอุดมัน


EGR คืออะไร ทำหน้าที่อะไร ทำไมคนชอบอุดมัน

                 เป็นปัญหาโลดแตกไปแล้ว สำหรับเรื่องการอุด EGR ไม่ว่าจะมีคนโพสท์หรือตั้งกระทู้ที่ไหน  จะต้องมีการถกเถียงกันยาว   ผมเลยรวบรวม และเรียบเรียง มาอธิบาย ด้วยภาษาง่ายๆ หลักการง่ายๆ  ให้ทุกๆท่านเข้าใจกันได้ง่ายๆนะครับ
     EGR คืออะไร
                มันย่อมาจากอะไรนั้น ไม่ต้องไปสนใจ  เอาง่ายๆ   EGR มันคือ ระบบนึงของเครื่องยนต์ ที่นำไอเสียจากเครื่องยนต์บางส่วน กลับมาเผาไหม้อีกครั้ง  ส่งผลให้ลดมลภาวะ ที่จะปล่อยออกมา  ให้มีค่าลดลง   โดยมาจากท่อร่วมไอเสีย ผ่าน EGR COOLER เพื่อลดความร้อน ผ่านมายังวาล์วที่ควบคุมด้วยมอเตอร์(ใน DMAX คอมมอนเรล) เข้าไปยังท่อร่วมไอดี  ซึ่งวาล์วนี้ จะปล่อยให้ไอเสียวนเข้ามา เฉพาะในรอบต่ำเท่านั้น
    จำเป็นต้องอุด EGR หรือไม่
              ต้องขอตอบใน 2 กรณีนะครับ
              กรณีแรก ใช้รถนอกเมือง ใช้งานทั่วๆไป รถใช้ความเร็วได้   อันนี้ จะอุดหรือไม่อุดก็ได้ครับ  ผลไม่ต่างกันนัก
              กรณีต่อมา ใช้รถในเมือง การจราจรคับคั่ง  นานๆจะได้ทำความเร็วสักครั้ง    อันนี้  ควรอุดจะดีกว่าครับ
   ถ้าไม่อุด รถจะพังหรือไม่
              ขอรับประกันครับว่าไม่พัง   รถจะพังไม่พัง มันขึ้นอยู่กับการใช้งานและการบำรุงรักษาของแต่ละคนครับ    ที่บอกๆกันว่า ถ้าคิดจะใช้รถเกิน 5 ปี ให้อุดซะ   มันไม่ได้เกี่ยวเลยครับ   ผมทดสอบด้วยตนเอง  รถปี 05 ปัจจุบัน วิ่งมา 302XXX กม แล้ว  ยังปกติดี    และที่เอารูปลิ้นปีกผีเสื้อจาก มาแชร์กันน่ะ ท่านอาจจะเห็นว่ามันสกปรกมาก  แล้วท่านทราบได้อย่างไรว่า เจ้าของรถคันนั้น ดูอลรถมาดีมากน้อยเพียงใด   และภาพเหล่านั้น  มักจะมาจากร้านที่รับอุดทั้งนั้น   รถที่ลิ้นไม่สกปรกมาอุด  เขาไม่ถ่ายมาลงหรอกครับ
   ก็เห็นว่าอุดแล้วน้ำมันเครื่องใส
             ใช่ครับ  น้ำมันเครื่องอาจจะดำช้ากว่า   แต่ !!!!  ผมได้ลองทดสอบดูแล้ว  ด้วยการหยดน้ำมันเครื่อง ทั้งใสและดำ ยี่ห้อและเบอร์เดียวกัน ลงบนพื้นลาดเอียง ระนาบเดียวกัน  ปรากฎว่า อัตราการไหลเท่ากันครับ  แสดงให้เห็นว่า  ประสิทธิภาพการหล่อลื่น ไม่ต่างกัน
   น้ำมันเครื่องดำ ทำไมถึงดำ
             น้ำมันเครื่อง หน้าที่มันคือหล่อลื่นชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์  เรื่องดำนั้น มันเป็นปกติของเครื่องยนต์ดีเซล  หากไม่เชื่อ ท่านก็ลองไปดูรถเครื่องยนต์ไดเร็ก ที่ไม่มีระบบอีจีอาร์ดู  ดำเหมือนกันครับ  เพราะเขม่า ที่เหลือจากการเผาไหม้ครับผม


            อย่างไรก็ตาม  ที่ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมา  ก็เพื่อเป็นแนวทางการตัดสินใจเท่านั้น  ผมเองใช้ทั้งรถที่อุดและไม่อุด  มองทุกอย่างด้วยความเป็นกลาง     คราวนี้จะอุดหรือไม่อุดนั้น ก็เป็นการตัดสินใจของท่านครับ  รถของท่าน เงินของท่าน  ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนขึ้นกับความพอใจ  อย่าฟังใคร  ตัดสินใจเองครับ    ไม่ว่าจะอุดหรือไม่อุด  ไม่มีสิ่งไหนทำร้ายรถครับ

วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557

DIY พัดลมฟรีปั๊ม

DIY พัดลมฟรีปั๊ม

 
        ใครไม่รู้จักพัดลมฟรีปั๊ม ยกมือขึ้น !!!
   

      พัดลมฟรีปั๊ม. อยู่ด้านหน้าเครื่อง อยู่หลังหม้อน้ำ. ทำหน้าที่ระบายความร้อนให้หม้อน้ำและคอยล์ร้อนแอร์. และมีกลไก ให้หยุดหมุนหรือหมุนช้าลง เมื่อรอบเครื่องสูง. และเมื่อเย็น จะหมุนลื่น เมื่อร้อน จะหมุนเร็ว. มช้กำลังจากเครื่องยนต์
ทีนี้ หลายๆคน ที่มีปัญหาแอร์ไม่สู้แดด. หรือจอดติดไฟแดงแอร์ไม่เย็น. ไปหาช่าง. แล้วช่างมักแนะนำให้เติมน้ำยาฟรีปั๊ม (ซึ่งต้นเหตุนี้. มักจะมาทีหลัง แต่ช่างชอบทำ ได้ตังดี). ทีนี้จะดีไม่ดีก็อยู่กับประสบการณ์ของช...่าง. เติมน้อยไป เครื่องฮีต แอร์ไม่เย็น เติมเยอะไป เครื่องอืด เสียงดัง กำลังตก
วันนี้ว่างๆ เลยเช็ครถตามปกติ. มาโยกพัดลมดู เอ๊ะ !!! มันแปลกๆ เลยจัดการซะหน่อย ใช้เวลา 45 นาทีเสร็จ
        ขั้นตอนก็ง่ายๆ. รื้ออะไรก็ตามที่คิดว่าจะกีดขวางการถอดพัดลมออกมา. ถอดมาได้ก็ถอดน๊อตแยกพัดลมจากฟรีปั๊ม และต่อมาก็ถอดสกรู ล๊อคฟรีปั๊ม ค้อนเคาะเบาๆ ก็แยกออกจากกัน. ทำความสะอาด(ยากหน่อย เหนียวหนืดมากๆ) ใช้ไซลิงฉีดยาดูดออก และกระดาษทิชชู่ซับออกมา. เติมไปใหม่. แล้วแต่ว่าเอาออกมาเยอะขนาดไหน. ถ้าออกเกือบหมด. เติมหลอดเล็กไปหลอดกว่าๆ เป็นใช้ได้. ลองประกิบและหมุนดู. โอเคผ่าน. จัดการประกอบลงรถ และเทส.
โอ้วววว. มันแจ๋วจริงๆ
 
 
 






   น้ำยาฟรีปั๊ม





 
 


DIY เปลี่ยนถ่ายน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์

DIY เปลี่ยนถ่ายน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์

               
              DIY เปลี่ยนถ่ายน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ด้วยตนเอง. ไม่ยาก ถ้ามีเครื่องมือ
ก่อนอื่นขอเกริ่นก่อนนะครับว่าผมไม่ได้มีอาชีพเป็นช่างซ่อมรถ ของพวกนี้ผมทำเป็นงานอดิเรก ทำเพราะใจรัก ฉะนั้นถ้าทำอะไรผิดพลาดไปบ้างก็ชี้แนะกันด้วยครับ
มาเริ่มกันเลย. ผมจะอธิบายเป็นขั้นตอนในคอมเมนท์ พร้อมรูปประกอบ เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ
...
ไปดูกันเลยครับ
 
 
ก่อนอื่น มาดูของสำคัญ. นี่คือน้ำมันสำหรับพวงมาลัยพาวเวอร์(มันคือน้ำมันเกียร์อัตโนมัตินั่นเอง. ข้อสำคัญคือดูที่เกรดครับ. DEX III ) ยี่ห้ออะไรก็ได้
 

 
 
ขั้นที่ 1 ตรวจสอบ และเตรียมเครื่องมือ
1 แม่แรง 2ตัว
2 ชุดบล๊อค ไม่มีไม่เป็นไร แต่เพื่อความสะดวก และความปลอดภัยของหัวน๊อตควรมี ไม่ต้องซื้อราคาแพง ซักชุดละ 1700-1800 พอ
3 ชุดประแจแหวนข้าง
4 เสื่อเก่าๆผืนนึง
5 ถุงมือผ้า
6 ถังเก่าๆ เอามาปาดเพื่อรองน้ำมัน
7 ผ้าขี้ริ้วเก่าๆ


 
 
ขั้นที่ 2 ขึ้นแม่แรงล้อหน้าทั้งสองล้อ
จุดขึ้นที่ควรใช้มากที่สุดคือ แชทซีรถ หลังล้อหน้า. แต่ด้วยพื้นที่จำกัด บวกกับแม่แรงยาวไม่พอ เลยขอขึ้นที่คานหน้าแล้วกัน แข็งแรงไม่แพ้กัน
 

 
 
 ขั้นที่ 3 ถอดแผ่นกันแคร้ง (ถ้ามี) ใช้ลูกบล๊อคเบอร 14.
ข้อสำคัญ ถ้าใช้ด้าม ก๊อกแก๊กขันแล้วรูสึกแน่น ให้ใช้ด้ามบล๊อคแทน อย่าฝืน ไม่งั้นก๊อกแก๊กพัง

 
 
ขั้นที่ 4 ถอดท่อตรงจุดที่ลูกศรชี้ โดยใช้มือบีบแคล้มรัดออก แล้วชักท่อออกได้เลย



ขั้นที่ 5 ถอดแป๊ปน้ำมันตรงลูกศรชี้ (มีสองตัวติดกัน ให้ถอดตัวบน)



ตำแหน่งที่ท่อและแป๊ปอยู่
ท่อลูกศรแดง แป๊ปลูกศรเหลือง






น้ำมันจะหยดลงตรงแป๊ปที่ถอด จากนี้
ขั้นที่ 6ให้ท่านหมุนพวงมาลัยซ้ายสุดขวาสุดไปเรื่อยๆ จนน้ำมันไม่ไหลออกมาแล้ว



ขั้นที่ 7 ทำย้อนขั้นตอนเดิม ต่อแป๊ป และท่อน้ำมันกลับเข้าที่
อ้อ ลืมบอกไป วิธีถอดและต่อแป๊ปที่ง่ายที่สุด ใช้ประแจปากตาย เบอร์ 17 สอดมือมาจากทางล้อหน้าขวา แล้วขัน


ขั้นที่ 8 เติมน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ จนถึงขีด max แล้วรอ 2-3 นาที จากนั้นเติมเข้าไปจนถึงขีด max เหมือนเดิม
แล้วสตาร์ทเครื่อง ปล่อยให้เครื่องยนต์เดินเบาซักพัก คอยตรวจเช็คน้ำมันให้อยู่ในระดับ max






ข้อควรระวัง

ขณะทำงานอยู่ ห้ามสตาร์ทเครื่องยนต์เด็ดขาด จนถึงขั้นตอนที่บอกให้สตาร์ท นะจ๊ะๆๆ



ขั้นสุดท้าย ใส่กันแคร้งเข้าที่ ลงแม่แรง ทำความสะอาดและจัดเก็บอุปกรณ์




                       เสร็จแล้วครับ  ง่ายใช่มั้ยล่ะ   ขอให้สนุกกับ DIY ครับ

                                     
 
 
 



 


DIY ลอกสติ๊กเกอร์ที่ติดแน่นและวิธีกำจัดคราบกาว

DIY ลอกสติ๊กเกอร์ที่ติดแน่นและวิธีกำจัดคราบกาว

              
วันนี้มี DIY เล็กๆน้อยๆ มาฝาก. สำหรับท่านที่มีปัญหาสติ๊กเกอร์ติดแน่น แห้งกรอบ ลอกไม่ออก และคราบกาว


อุปกรณ์
1 ไดร์เป่าผม
2 ผ้า อะไรก็ได้ อย่าให้เนื้อหยาบเป็นพอ
3 น้ำมันรอนสัน
...
วิธีทำง่ายๆ.

แค่เอาไดร์เป่าที่สติ๊กเกอร์ ใช้ความร้อนปานกลาง และอย่าเป่าแช่นาน


 เริ่มแรกก็ใช้เล็บค่อยๆแซะออกมาพอจับได้. ก็ค่อยๆดึงพร้อมทั้งเป่าไดร์ไปด้วย จนลอกออกหมด


 ทีนี้คราบกาว. เราก็เอาไดร์เป่าซ้ำพอคราบเหนียวๆ. ก็บีบน้ำมันรอนสันราดแล้วจุดไฟ. เอ้ย !!! ราดแล้วใช้ผ้าขัดออก. รับรองหายวับ !!!!

เรื่องน่ารู้ สำหรับมือใหม่

 

เรื่องน่ารู้ สำหรับมือใหม่

                 ปัจจุบัน รถ คือปัจจัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ สำหรับสังคมเราทุกวันนี้  มันสามารถเป็นได้ทั้งพาหนะ งานอดิเรก เครื่องประดับ สำหรับใครหลายๆคน อาจจะมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการบำรุงรักษา และการใช้งานของรถอยู่น้อย  พบได้มากในมือใหม่ หรือคนที่ใช้รถมานาน บางคนกลับไม่มีความรู้เลย  ทำให้เมื่อไปซ่อมหรือบำรุงรักษา จะโดนช่างหรือศุนย์บริการเอารัดเอาเปรียบได้  หรือภาษาเราๆ เรียกกันว่าโดนฟัน
 
                ในฐานะที่ผมเป็นผู้ใช้รถคนนึง มีประสบการณ์ในการบำรุงรักษาและการใช้รถมาพอสมควร  อีกทั้งยังศึกษาเพิ่ม จากหนังสือและอินเทอร์เน็ต  ซึ่งข้อมูลในอินเทอร์เน็ตนั้น มีั้งถูกและผิด ผมจึงได้ศึกษาและทดลองด้วยตนเอง ใช้เวลาหลายปี  จึงอยากมาแนะนำท่านผู้อ่าน  เพื่อเพิ่มพูนความรู้ของท่านเองและจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาลองผิดลองถูก ซึ่งกว่าจะพบข้อเท้จจริง  บางคราว เราอาจเสียเงินไปหลายบาท
 
 
 
ข้อแนะนำ สำหรับมือใหม่(และคนที่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องรถ)
 
 
1.   ศึกษาคู่มือการใช้งานรถ อย่างละเอียด(สำคัญมากๆ  เรื่องที่ควรปฏิบัติจะอยู่ในนี้เยอะมาก การใช้รถโดยไม่ศึกษาคู่มือ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง
 
2.  กรณีรถใหม่ ควรเข้าศูนย์ ตามระยะที่ศูนย์ระบุมา แต่ถ้าเป็นรถมือสอง หรือรถเก่า เราสามารถเลือกที่จะเข้าอู่นอก(หาที่ไว้ใจยากหน่อย) หรือ service รถด้วยตนเอง ซึ่งไม่ยากเกินกำลัง ผู้หญิงก็ทำได้ ซึ่งผมจะเขียนบล็อก DIY เข้ามาเรื่อยๆ
 
3.  น้ำมันเครื่อง เมื่อเติมเข้าไปในรถแล้ว ควรเปลี่ยนถ่ายมันทุกๆ 10000 กม. หรือ 6 เดือน แล้วแต่อย่างใดถึงก่อน
 
4.  การเข้าศูนย์ ใช่ว่าจะทำรถเราได้ดีเสมอไป  อย่านิ่งนอนใจ  ทุกครั้งที่รับรถ ต้องตรวจสอบให้ละเอียดเสมอ
 
5.  ในการใช้รถครั้งแรกของวัน ควรอุ่นเครื่องอย่างน้อย 30 วินาที  เพื่อให้น้ำมันเครื่องขึ้นมาหล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆเสียก่อน
 
6.  ยาง ควรตรวจสอบแรงดันทุกๆ สัปดาห์ และอย่าลืมตรวจสอบสภาพของหน้ายางและแก้มยางด้วย
 
7.  ลมยางแข็ง ประหยัดน้ำมันก็จริง แต่ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนจะเสียไป และเพิ่มความกระด้างให้รถคุณ   เพราะฉะนั้น ควรเติมลมยางแค่พอเหมาะ  ประมาณ 30ถึง38 ปอนด์ เหมาะสมที่สุดในการใช้งานปกติ
 
8.  เบรก ABS ไม่ได้ช่วยให้รถคุณหยุดสั่งได้ดั่งใจ  ฉะนั้น สติ และความไม่ประมาท จะทำให้คุณรอดปลอดภัย
 
9.  การไม่ได้ซื้อรถตัว TOP ไม่ได้หมายความว่าไม่มีปัญญา  หากแต่เขาเลือกแค่สิ่งที่เขาใช้งานเท่านั้น
 
10.  ที่แชร์กันว่อนในโซเชียล ว่าไม่มีกฎหมายห้ามวิ่งแช่ขวานั้นผิด   เพราะตามกฎจริงๆแล้ว  ท่านต้องวิ่งชิดซ้ายเสมอ   ช่องขวามีไว้แซง
 
11.  กฎจราจร  เป็นสิ่งที่ควรศึกษาอย่างยิ่ง  เพราะการทำผิดกฎจราจร จะนำมาทั้งอุบัติเหตุ ถูกปรับ  หรือสร้างความรำคาญแก่ผู้อื่น
 
12.  การอุ่นเครื่องก่อนดับนั้น ไม่ได้จำเป็นเลย  ถ้าหากท่านไม่ได้เหยียบมา 140 เบรกแล้วจอดดับเครื่องทันที  คนส่วนใหญ่มักเชื่อ  เพราะเค้าบอกมา
 
13.  ประกันภัย  เป้นสิ่งสำคัญ  ควรจะทำไว้เสมอ  เพราะอุบัติเหตุ เกิดขึ้นได้เสมอ
 
14.  ก้านปัดน้ำฝน  จอดรถไม่จำเป็นต้องไปยก  คู่นึงไม่กี่บาท  ไม่ว่าท่านจะยกหรือไม่ยก อายุการใช้งานมันก้ไม่ได้ต่างกันซักเท่าไหร่
 
15.  ไฟหน้ารถ จะตั้งข้างซ้ายสูงกว่าข้างขวาเสมอ  ไม่ต้องตกใจ
 
16.  ไฟสูง มีไว้ใช้ในบางสถานการณ์เท่านั้น  อย่าเปิดไว้ตลอด มันส่องตาทั้งคนที่ขับนำอยู่ และคนที่ขับรถสวนมา
 
17.  รถ สมบัติส่วนตัว  ห้ามยืมกัน  พังมา ชนมา จะมองหน้ากันไม่ติด
 
18.  ขับ 120 กับ 140 ไปถึงที่หมายต่างกันแค่ไม่กี่นาที  อย่าเอาชีวิตไปเสี่ยงกับเวลาแค่นั้น
 
19.  ขับรถ ควรมองกระจกข้างและกระจกหลังอยู่สม่ำเสมอ  แต่ไม่ใช่มัวแต่มองจนเสียสมาธิ
 
20.  เมื่อฝนตก กระจกเป็นฝ้า  ควรเปิดตัวไล่ฝ้า(ถ้ามี) แต่ถ้าไม่มี ให้เปิดแอร์เย็นหน่อย หรือลดกระจกลงนิดนึง
 
21.  ไฟฉุกเฉิน เวลาฝนตก ไม่ต้องเปิด  เวลาข้ามแยก ก็ไม่ต้องเปิดเช่นกัน
 
22.  ไฟตัดหมอก  ฝนไม่ตอกหนัก หมอกไม่ลง  อย่าเปิด
 
23.  สุดท้าย  การมีน้ำใจให้กันบนท้องถนน  ลดราวาศอกให้กันบ้าง  เป็นสิ่งที่ดีและควรทำ
 
 
             หลังจากที่ท่านได้อ่านบทความนี้แล้ว  หากท่านปติบัติตาม  รับรองว่าท่านจะใช้รถอย่างมีความสุขแน่นอน   (บทความนี้ยังไม่สมบูรณ์ดี ไว้ผมจะมาเพิ่มเติมทีหลัง)
 
   ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ